การเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรม หรือ เครื่องดูดฝุ่นโรงงาน

เครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรม หรือ เครื่องดูดฝุ่นโรงงาน นั้นมีความสำคัญกับบางโรงงานเป็นอย่างมาก เป็นเครื่องมือที่จะทำให้ประหยัดเวลาและประหยัดแรงงานในการทำงานของพนักงาน ในเรื่องการทำความ สะอาดหรือการเคลื่อนย้ายวัสดุ ในบางพื้นที่มีซอกของมุมเยอะทำความสะอาดยากเป็นที่สะสมฝุ่นและเชื้อโรค บางโรงงานต้องการที่จะดูดเศษวัสดุลงถังหรือลงถุงได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาตักใส่อีกรอบ หรือดูดใส่ถุงบิ๊กแบ็กได้เลย เป็นการประหยัดเวลา เพราะฉนั้นการเลือกในเครื่องดูดฝุ่นมีความสำคัญให้เหมาะสมกับงานด้วย

ในการเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรม หรือ เครื่องดูดฝุ่นโรงงาน นั้นต้องคำนึงถึง วัตถุประสงค์ ดังนี้

1. วัสดุที่จะทำการดูดทำความสะอาด

2. ปริมาณการดูดเศษวัสดุ

3. ระยะเวลาในการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาด

4. ขนาดของเศษวัสดุ

5. ลักษณะของวัสดุเปียกหรือแห้ง

6. การเคลื่อนย้ายเครื่องดูดฝุ่น

7. การนำเศษวัสดุไปทิ้ง

8. การดูแลบำรุงรักษาเครื่องดูดฝุ่นยากหรือง่าย

มีหลายโรงงานที่ซื้อเครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรม หรือ เครื่องดูดฝุ่นโรงงาน มาแล้วไม่สามารถใช้งานได้ดี หรือใช้งานไม่คงทน เพราะเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้นั้นไม่เหมาะสมกับการใช้งาน การไม่ได้ดูแลและบำรุงรักษาที่ถูกต้อง อันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจในการใช้งาน เพราะเครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรมหรือเครื่องดูดฝุ่นโรงงาน นั้นมีหลายรุ่น หลายประเภท และคุณภาพที่แตกต่าง ราคาที่แตกต่าง

สิ่งที่แตกต่างของเครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรม หรือ เครื่องดูดฝุ่นโรงงาน แต่ละรุ่นมีดังนี้

1. ใส้กรองอากาศที่แตกต่างกัน

ใส้กรองอากาศที่แตกต่างกัน ในการดูดฝุ่น ขนาดของฝุ่นละออง บางรุ่นดูดฝุ่นขนาดฝุ่น 0.3-1 ไมค่อน จะเรียกว่าHEPA หรือบางรุ่นดูดฝุ่นขนาดใหญ่ขึ้นจะเป็นกรองฝุ่นโพลีเอสเตอร์ และยังมีขนาดใส่กรองอื่นๆอีก ใส่กรองนั้นเป็นตัวบ่งบอกถึงความละเอียดของฝุ่นที่เราจะกำจัด ใส่กรองบางรุ่นไม่สามารถนำมาทำความสะอาดได้อีก บางรุ่นสามารถนำมาทำความสะอาดได้ นำมาซักล้างน้ำได้ เพราะฉนั้นการที่เราใช้เครื่องดูดฝุ่นในงานทีไม่ต้องดูดผงขนาดเล็กเช่นดูดทราย ดูดเศษยาง เศษไม้ ที่มีขนาดใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กรองที่ กรองผงละเอียดมาก เน้นเรื่องความคงทนของใส่กรองอากาศ

2. มอร์เตอร์ดูดฝุ่น

มอร์เตอร์ดูดฝุ่น เป็นส่วนสำคัญอีกอย่างที่เราใช้ในการตัดสินใจ จำนวนมอร์ที่ใช้ ขนาดมอร์เตอร์ กำลังวัตต์ บางรุ่นใช้ ริงโบลเวอร์เป็นตัวสร้างกำลังดูด เพราะกำลังแรงดูดลมนั้นเป็นสิ่งที่บอกถึงความเร็วและแรงในการดูดฝุ่นวัสดุ ขนาดท่อในการดูดฝุ่นจะบอกถึงปริมาณของฝุ่นที่ทำการดูดมากหรือน้อย

กำลังลมจากริงโบลเวอร์
กำลังลมจากมอร์เตอร์

3. โครงสร้างเครื่องดูดฝุ่น

การที่มีรอยต่อของเครื่องดูดฝุ่นหลายจุดจะเป็นจุดอ่อนของเครื่องเพราะถ้ามีการรั่วช่วงรอยต่อกำลังดูดจะน้อยลง ทำให้มีโอกาสที่จะสูญเสียแรงลมได้ในช่วงรอยต่อ โดยที่เราไม่สามารถรู้ได้

ในบางครั้งที่ลมดูดไม่แรงเราจะสำคัญผิดไปที่กรองฝุ่น คิดว่ากรองฝุ่นตัน หรือคิดไปที่มอเตอร์ว่าไม่มีแรงดูด เพราะฉนั้นเราควรเอามาคิดถึงคุณภาพด้วย

4. ปริมาณของถังเก็บเศษวัสดุ

ปริมาณของถังเก็บเศษวัสดุที่ถูกดูดมาเก็บ ว่ามีปริมาณมาก น้อยเท่าไหร่ ในบางโรงงานจะดูดเศษวัสดุครั้งละมากๆ ซึ่งถ้าเครื่องเล็กเกินไปก็ต้องหยุดเครื่องดูดฝุ่นบ่อยๆ เพื่อนำเศษฝุ่นไปทิ้งบ่อยๆ เวลาใช้เครื่องดูดฝุ่นต้องคำนวณการดูดเศษวัสดุที่เราดูดด้วยว่า ดูดนานเท่าไหร่ถึงต้องหยุดเพื่อนำเศษวัสดุไปทิ้ง หลายๆครั้งที่เครื่องดูดฝุ่นเสียเพราะว่าเราไม่รู้ว่าดูดนานพอหรือยัง เต็มถังเก็บหรือยัง ถ้าเต็มถังแล้วเรายังใช้งานต่อทำให้มอร์เตอร์ที่เราใช้งานทำงานหนักมากขึ้น จนทนไม่ได้จึงเกิดความเสียหาย

การใช้ถังกลางในการดังฝุ่นก็จะสามารถเก็บฝุ่นได้ครั้งละมากๆขึ้น

5. การทำความสะอาดกรองดูดฝุ่น

การทำความสะอาดกรองดูดฝุ่น บางรุ่นสามารถทำความสะอาดกรองได้อัตโนมัติ บางรุ่นต้องนำมาเคาะเพื่อเอาฝุ่นออก หรือบางรุ่นต้องเปลี่ยนเลย ถ้าเราไม่ทำความสะอาดกรองฝุ่น จะทำให้ใส่กรองฝุ่นอุดตันเป็นต้นเหตุ ของการทีจะทำให้มอร์เตอร์เครื่องดูดฝุ่นทำงานหนัก แล้วก็จะเสียและไม่ทำงานในที่สุด(เหตุผลนี้เป็นบ่อยมากในเครื่องดูดฝุ่น)

6. การใช้ไฟฟ้าเป็น single phaseหรือ three-phase

กำลังไฟฟ้าที่ใช้นั้นบอกถึงความสามารถของเครื่องดูดฝุ่น ในการดูดปริมาณของวัสดุและแรงลมในการดูดวัสดุ การนำข้อมูลมาคิดในการตัดสินใจขั้นแรกในการเลือกใช้ และที่สำคัญที่สุดคือการเอาสินค้ามาทำการทดสอบการใช้งาน ว่าเหมาะสมกับลักษณะงานของเราหรือไม่ สนใจเครื่องดูดฝุ่นอุตสหกรรม

ติดต่อสอบถามได้ที่

Line OA: @Repfloor

Web: repfloor.com

Email: repfloor.sales@gmail.com

Facebook: CrystalFloor By Repfloor

Tel: 081 919 7018

สอบถามผู้เชี่ยวชาญ